การจัดหาซอฟต์แวร์เพื่อมาใช้งาน สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
1. แบบสำเร็จรูป (Packaged or Ready-Made Software)
เป็นวิธีที่ผู้ใช้งานซื้อได้จากตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์
ที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทผู้ผลิตได้โดยตรง
ซึ่งมักจะมีการเตรียมบรรจุภัณฑ์และเอกสารคู่มือการใช้งานไว้อยู่แล้ว
ผู้ใช้สามารถนำไปติดตั้งเพื่อใช้งานได้โดยทันที
กรณีที่ไม่สามารถเลือกซื้อผ่านร้านตัวแทนจำหน่ายได้
อาจเข้าไปในเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์นั้นๆ
แล้วกรอกข้อมูลรายการชำระเงินผ่านแบบฟอร์มบนเว็บ
เมื่อรายละเอียดเกี่ยวกับการจ่ายชำระเงินของผู้ซื้อได้รับการอนุมัติแล้ว
ก็สามารถดาวน์โหลดเอาซอฟต์แวร์มาใช้งานได้ทันที
2. แบบว่าจ้างทำ (Customized or Tailor-Made Software)
เป็นวิธีการที่เหมาะสมสำหรับองค์กรที่มีลักษณะงานเฉพาะของตนเอง
และไม่สามารถนำโปรแกรมสำเร็จรูปมาประยุกต์ใช้ได้ ดังนั้น
จึงต้องผลิตซอฟต์แวร์ขึ้นมาเอง
โดยให้บุคคลภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทำการผลิตซอฟต์แวร์ให้ตรงตาม
คุณสมบัติที่ต้องการ
วิธีการนี้อาจทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบสำเร็จรูปพอสมควร
แต่การทำงานของซอฟต์แวร์จะสอดคล้องตรงกับความต้องการได้ดีที่สุด
3. แบบทดลองใช้ (Shareware)
เป็นวิธีการที่บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ได้ผลิตโปรแกรมที่ปรับลดคุณสมบัติ
บางอย่างลงไป เพื่อให้มีการกำหนดระยะเวลาการทดลองใช้งาน เช่น ใช้ได้ภายใน
30 วัน ใช้ภายใน 90 วัน เป็นต้น หากผู้ใช้ทดลองใช้แล้วและตัดสินใตว่าดี
ตลอดจนเหมาะสมกับงานที่ทำอยู่ ผู้ใชสามารถสั่งซื้อโปรแกรมสำเร็จรูปแบบเต็มๆ
จากบริษัทผู้ผลิตได้ต่อไป
4. แบบใช้งานฟรี (Freeware)
เป็นโปรแกรมที่แจกให้ใช้ฟรี เพื่อตอบสนองกับการทำงานที่หลากหลาย ซึ่ง
ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินให้กับบริษัทผู้ผลิต
ส่วนใหญ่เป้าหมายของผู้ผลิต คือ
ต้องการาพัฒนาโปรแกรมเพื่อเผยแพร่ผลงานของตนเองให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
และทดสอบระบบที่พัฒนาขึ้น
ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ลิขสิทธิ์ก็ยังเป็นของบริษัทผู้ผลิตอยู่
ผู้อื่นไม่สามารถนำไปพัฒนาต่อหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้
5. แบบโอเพนซอร์ซ (Open Source)
เป็นวิธีการขององค์กรที่มีกลุ่มบุคคลผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญทางด้าน
การพัฒนาซอฟต์แวร์ทำการพัฒนาขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้นำไปใช้ได้ฟรี
รวมทั้งสามารุแก้ไขปรับปรุงโปรแกรมต่างๆ ให้เหมาะสมกับงานของตนได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น